─ คุณสมบัติของอลูมิเนียม ─
▼คลิกที่แผนผังเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม▼
─การเพิ่มประสิทธิภาพอลูมิเนียม─▼คลิกที่แผนผังเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม▼ |
คุณสมบัติของอลูมิเนียม |
►เบา | |
|
|
ความถ่วงจำเพาะ : อลูมิเนียม = 2.7, เหล็ก = 7.8 , ทองแดง = 8.9 เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วจะเห็นได้ว่าอลูมิเนียมมีลักษณะเบากว่าเหล็กและทองแดง ถึง 3 เท่า คุณสมบัติที่มีลักษณะเบาเช่นนี้ทำให้การผลิตที่ใช้อลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบสามารถผลิตได้อย่างรวดเร็วและประหยัดพลังงาน อาทิเช่น การผลิตรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน เป็นต้น นอกจากนี้อลูมิเนียมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
►อ่อน | |
|
|
อลูมิเนียมมีความแข็งแรงและทนทานอีกทั้งยังมีคุณสมบัติความอ่อนตัวรวมอยู่ด้วย ทำให้ขึ้นรูปได้อย่างง่าย คุณสมบัติความอ่อนตัวของอลูมิเนียมจะแตกต่างไปตามโลหะผสม เช่น A1050:HV19 A5052-H32:HV60 A6063-T6:HV73
►มีความแข็งแรงสูง | |
|
|
อลูมิเนียมบริสุทธิ์ (กลุ่ม 1000) จะมีค่าความต้านทานไม่สูงมาก แต่ถ้าผ่านกระบวนการรีด ขึ้นรูป เติมโลหะผสม หรือการชุบจะเพิ่มความแข็งแรงและความต้านทานของอลูมิเนียมได้ ซึ่งในบรรดาโลหะผสม อลูมิเนียมถือว่ามีความแข็งแรงเทียบเท่ากับเหล็ก duralumin (กลุ่ม 2000) และ super duralumin (กลุ่ม 7000)เลยทีเดียว
►ง่ายต่อกระบวนการผลิต | |
|
|
อลูมิเนียมเป็นโลหะที่มีความง่ายต่อการ ดัด ตัด รีด หรือหล่อขึ้นรูป มีการนำอลูมิเนียมไป die-cast หรือ Lost wax casting กันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ยังสามารถอัดขึ้นรูปด้วยความร้อนเพื่อใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะผิวบางได้อีกด้วย
►นำความร้อนได้ดี | |
|
|
อลูมิเนียมจะมีคุณสมบัตินำความร้อนได้ดีกว่า เงิน ทองแดง และทองคำ ตามลำดับ และสามารถนำความร้อนได้ถึง 3 เท่าของเหล็ก นอกจากนี้ยังเป็นโลหะที่มีความถ่วงจำเพาะเบากว่าเงินและทองแดงถึง 3 เท่า ดังนั้นจึงมักถูกใช้เป็นส่วนประกอบของการระบายความร้อนในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างเช่น heat sink เป็นต้น
►นำไฟฟ้าได้ดี | |
|
|
โลหะที่นำกระแสไฟฟ้าที่ดีที่สุดเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 4 อันดับแรก คือ เงิน-ทองแดง-ทอง-อลูมิเนียม ทองแดงมีการนำไฟฟ้าได้ถึง 60% แต่ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าความถ่วงจำเพาะจะเห็นได้ว่า อลูมิเนียมมีน้ำหนักเบากว่า 3 เท่า ดังนั้นอลูมิเนียมจึงสามารถนำกระแสไฟฟ้าได้มากเป็น 2 เท่าของทองแดงที่มีน้ำหนักเท่ากัน ด้วยเหตุผลนี้อลูมิเนียมจึงสามารถใช้ได้กับ สายไฟ ขั้วไฟ หรือแม้แต่ Busbar ได้
►ทนต่ออุณหภูมิต่ำ | |
|
|
อลูมิเนียมเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีความแข็งแรงและทนทานเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำ โดยสามารถทนต่ออุณหภูมิต่ำได้ถึง -200 ° ซึ่งทองแดงสามารถทนต่ออุณหภูมิต่ำได้เพียงแค่ -62° เท่านั้น ดังนั้นทองแดงจึงไม่เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้างเมื่อเทียบกับอลูมิเนียม
► รีไซเคิลได้ | |
|
|
อลูมิเนียมสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ด้วยการหลอมละลาย โดยจะใช้พลังงานในการหลอมอลูมิเนียมชิ้นใหม่เพียง 1/28ของพลังงานทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นเศษโลหะที่มีมูลค่าสูงเลยทีเดียว
►ไร้สารพิษ | |
|
|
อลูมิเนียมเป็นโลหะที่ไม่มีสารพิษหรือสารอันตราย ดังนั้นจึงถูกนำมาใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ในการบรรจุอาหาร และเครื่องใช้ในครัวเรือน
►ไม่มีคุณสมบัติแม่เหล็ก | |
|
|
อลูมิเนียมเป็นโลหะที่ไม่มีคุณสมบัติแม่เหล็ก และเนื่องจากเป็นโลหะทีมีลักษณะเบา จึงเหมาะแก่การนำไปผลิตแผ่นป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือคลื่นรบกวนภายนอก อาชิเช่น ป้องกันคลื่นวิทยุรบกวน เป็นต้น
การเพิ่มประสิทธิภาพอลูมิเนียม |
►การเพิ่มประสิทธิภาพการกัดกร่อนและป้องกันสนิม | |
|
|
อลูมิเนียมเมื่อสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศจะทำปฏิกิริยาออกไซด์เกิดเป็นเยื้อบางๆ (แผ่นฟิล์ม) ขึ้น กล่าวคือมีกลไกลป้องกันตัวเองตามธรรมชาติ เพื่อไม่ให้เกิดสนิม แต่แผ่นฟิล์มนั้นบางมาก จึงเกิดการกัดกร่อนเมื่อทำปฏิกิริยากับสิ่งแวดล้อม และเพื่อพัฒนาความต้านทานการกัดกร่อนของอลูมิเนียม จึงมักใช้วิธีการชุบ หรือการอโนไดซ์เพื่อเพิ่มความแข็งแรงที่พื้นผิวอลูมิเนียม ซึ่งวิธีการปรับปรุงพื้นผิวของอลูมิเนียมก็จะแตกต่างกันไปตามการใช้งาน
►การเพิ่มความแข็งของผิวอลูมิเนียม | |
|
|
อลูมิเนียมเป็นโลหะที่มีความแข็งแรงและทนทานจึงนิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างในงานอุตสาหกรรม แต่ ถึงแม้ว่าจะมีความทนทานและแข็งแรง อลูมิเนียมก็มีความอ่อนนิ่มอยู่ในตัวของมันเองด้วย ดังนั้นเพื่อทำให้ประสิทธิภาพของอลูมิเนียมเพิ่มขึ้นจึงเกิดกระบวนการชุบแข็งขึ้นมา โดยบริษัทของเราสามารถชุบเพื่อเพิ่มคุณภาพและความทนทานต่อการกัดกร่อนของอลูมิเนียมได้อย่างชำนาญ สำหรับค่าความแข็งของการอโนไดซ์แบบธรรมดาจะอยู่ที่ 200 HV ค่าความแข็งของการอโนไดซ์แข็ง มากกว่า 400 HV และค่าความแข็งของการชุบนิกเกิลโครเมียม มากกว่า 800 HV
►การเพิ่มความสวยงาม | |
|
|
อลูมิเนียมเป็นโลหะที่มีรูปลักษณ์ที่สวยงามในแบบฉบับของตัวมันเองอยู่แล้ว แต่ เราสามารถเพิ่ม หรือออกแบบรูปลักษณ์ของอลูมิเนียมให้มีความสวยงามและโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีกได้ ด้วยวิธีการชุบ และการอโนไดซ์ วิธีการนี้จะสามารถปรับเปลี่ยนสีของผิวอลูมิเนียมได้ และสามารถกำหนดได้ว่าต้องการให้ผิวอลูมิเนียมเป็นแบบเงาหรือด้าน การอโนไดซ์และการย้อมสีของอลูมิเนียมนั้นจะแตกต่างไปตามชนิดของโลหะที่ผสมอยู่ด้วย
►เพิ่มประสิทธิภาพในการนำไฟฟ้า | |
|
|
อลูมิเนียมถือว่าเป็นโลหะที่นำไฟฟ้าได้ดีเป็นลำดับที่ 4 แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่ออลูมิเนียมสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศ ตามธรรมชาติแล้ว จะส่งผลให้มีความต้านทานการสัมผัสสูง ดังนั้นจึงมีกระบวนการชุบผิวเพื่อให้ความต้านทานต่ำลง ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอลูมิเนียมเป็นโลหะที่มีน้ำหนักเบาจึงเป็นที่นิยมในการผลิตชิ้นส่วน
►เพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมประสาน (บัดกรี) | |
|
|
ถึงแม้ว่าอลูมิเนียมจะมีกระบวนการผลิตง่ายและเบา แต่ก็ไม่สามารถเชื่อมประสานผิวโลหะได้ทันที ในกรณีที่จะทำการเชื่อมประสานอลูมิเนียมกับโลหะ จะต้องมีการเตรียมผิวเพื่อให้เหมาะกับการเชื่อมประสานอลูมิเนียมแต่ละชนิด บริษัทของเรา มีความสามารถและเชี่ยวชาญในการปรับปรุงและเตรียมผิวชิ้นงานมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะการชุบดีบุกและการชุบนิกเกิลขั้นสูงเพื่อที่จะสามารถเชื่อมประสานอลูมิเนียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
►เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า | |
|
|
อลูมิเนียมมีคุณสมบัติในการป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แต่ก็สามารถทำการชุบทองแดงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเหตุผลดังกล่าว อลูมิเนียมจึงถูกนำมาใช้ในการป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
►เพิ่มประสิทธิภาพในการนำความร้อน | |
|
|
อลูมิเนียมถือว่าเป็นโลหะที่มีประสิทธิภาพในการนำความร้อนได้ดีเป็นลำดับที่ 4 และมักถูกนำมาใช้ทำแผ่นระบายความร้อนเนื่องจากว่ามีน้ำหนักเบา มีการกล่าวว่าประสิทธิภาพในการนำความร้อนของอลูมิเนียมจะดีขึ้นเมื่อเข้าสู่กระบวนการอโนไดซ์ ซึ่งไม่เป็นความจริง ความจริงแล้ว ประสิทธิภาพการนำความร้อนของอลูมิเนียมที่ผ่านการอโนไดซ์แล้วจะด้อยกว่าอลูมิเนียมบริสุทธิ์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม อลูมิเนียมที่ผ่านการอโนไดซ์แล้วก็ยังคงเป็นที่นิยมในการนำมาทำแผ่นระบายความร้อน เนื่องจากแผ่นฟิล์มอโนไดซ์จะมีอัตราการแผ่รังสีจึงส่งผลให้สามารถระบายความร้อนได้ดี
อย่างไรก็ตาม การใช้อลูมิเนียมที่ผ่านการอโนไดซ์เพื่อทำให้เกิดการแผ่รังสี หรืออลูมิเนียมบริสุทธิ์นั้นจะได้ผลดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในการใช้งานจริงด้วย
นอกจากนี้ แผ่นระบายความร้อนที่เกิดจากการ Die Cast หรือการหล่อขึ้นรูปทรงที่มีความซับซ้อนนั้น จำเป็นต้องมีการปรับปรุงพื้นผิวด้วยปฏิกิริยาทางเคมี หรือการอโนไดซ์ก่อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ถึงแม้ว่าบางครั้งแผ่นระบายความร้อนอาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ากระบวนการอโนไดซ์ก็ตาม แต่เนื่องจากว่าอาจถูกกัดกร่อนและทำให้ประสิทธิภาพในการนำความร้อนลดลง ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า การปรับปรุงพื้นผิวด้วยปฏิกิริยาทางเคมี เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับแผ่นระบายความร้อนเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
►การให้คำแนะนำตามหลักการ VALUE ANALYSIS & VALUE ENGINEERING (VA/VE) | |
|
|
บริษัทเราไม่ได้เพียงให้บริการด้านผลิตภัณฑ์แต่เพียงอย่างเดียว เรายังมีส่วนร่วมในการช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าสมบูรณ์แบบ ราบรื่น และไม่มีอุปสรรคในกระบวนการผลิต นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในเรื่องของต้นทุนการผลิตควบคู่ไปกับคุณภาพของสินค้า ตามที่ลูกค้าต้องการ
กลับไปหน้าแรกของ Fact-Link